แต่ละคนมีรายรับ และรายจ่ายไม่เท่ากัน เราควรแบ่งเ งิ นเป็นส่วนๆ ต้องจ่ายอะไรบ้าง และเหลือเก็บไว้เป็นเ งิ นฉุกเฉิน เพราะบ างทีเราก็ไปรบกวนใครไม่ได้ เรื่องเ งิ นๆ ทองๆ ไม่เข้าใครออกใคร
หลายคนอาจจะคิดหรือสงสัยในใจว่า ทำไมคนนู้นคนนี้ตำแหน่งออกจะสูง เ งิ นเดือนนี้แตะ 6-7 หลัก แต่ทำไมไม่มีเ งิ นเก็บ ใช้เ งิ นแบบเดือนชนเดือน ในบ างคนนี่ยิ่งแล้วใหญ่ใช้เ งิ นไม่พอในแต่ละเดือนเลยด้วยซ้ำ ในวันนี้เราจึงอย ากมานำเสนอบทความดีดีกับ“เลิกซ๊ะ” ก่อนจะสาย ต่อให้เ งิ นเดือนสูง ถ้ามี 7 นิสัยนี้ก็จ นอยู่ดี เราเตือนแล้ว
1 พอได้เ งิ นเดือนเพิ่ม ก็หาภาระมาใส่ตัวในทันที
บ างคนพอสิ้นปีโบนัสออกพร้อมปรับเ งิ นเดือน ก็เอาไปดาวน์รถคันที่แพงขึ้น เริ่มใช้จ่ายมากขึ้น เข้าภัตต าคารบ่อยขึ้น ซื้อของแบรนด์เนมดังๆมากขึ้น ฉะนั้นนี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่า ไม่ว่าจะมีเ งิ นเท่าไหร่ก็หมด
2 อยู่กับปัจจุบัน แต่ไม่เคยมองอนาคต
คนบ างคนเวลาเจอปัญหาย ากๆ ก็ไม่อย ากแก้ไขและทำการปล่อยไป ให้ผ่านไปวันๆ และนี่คือ “สูตรแห่งความหายนะ” บ างทีอย ากได้อะไรก็ซื้อๆ หมุนๆ ใช้เ งิ นไปก่อน ตอบสนองความต้องการในปัจจุบัน แต่กลับไม่เคยมองภาพรวม มองไม่ออกว่าตอนนี้ “สถานะการเ งิ น” ของเป็นยังไง มีทรัพย์สินเท่าไหร่ หนี้สินเท่าไหร่ เ งิ นสดเท่าไหร่
3 คิดว่าวันนี้ยังไม่ต้องรีบออมเ งิ น
การที่เริ่มออมเ งิ นเร็วกว่าคนอื่นแค่ 5 ปี ตอนปลายทางของชี วิ ตจะมีเ งิ นเก็บต่างกันลิบลับ เนื่องจ า ก พลังของดอกเบี้ยทบต้น ถึงแม้จะไม่ได้เป็นการเก็บออมเพื่อการลงทุน แต่นิสัยการออมก็เป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกต้อง
4 ไม่เคยจดบันทึกเรื่องการใช้เ งิ น
มนุษย์โดยส่วนใหญ่มักคิดว่ารู้แล้วว่ามีรายได้อยู่แหล่งเดียว (เ งิ นเดือน) แล้วแต่ละเดือนก็มีค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เรื่องใหญ่ๆ ก็มีไม่กี่เรื่อง ผ่อนรถ ผ่อนบ้าน/ ค่าห้อง ค่าน้ำ-ค่าไฟ ค่าอาหาร หลักๆ ก็แค่นี้ ไม่เห็นต้องจดบันทึกเลย ถ้ากำลังคิดแบบนั้นอยู่ละก็ ขอบอกเลยว่าเป็นความคิดที่ผิดมาก เนื่องจ า กบ างทีเรื่องเล็กๆ หลายเรื่องรวมกันทำให้มีค่าใช้จ่ายที่ควรจะประหยัดได้ แต่ก็ไม่ได้ทำ (เพราะมันเล็กๆ น้อยๆ จ นไม่รู้ตัว)
5 แยกแยะไม่ออกว่าอะไรจำเป็น อะไรแค่อย าก แถมยังไม่มีเป้าหมายทางการเ งิ น
ยกตัวอย่างเช่น ช่วงนี้รถเสียบ่อย ‘จำเป็น’ ต้องเปลี่ยนแล้ว หรือ มือถือรุ่นใหม่ออกมา ‘จำเป็น’ ต้องเปลี่ยนแล้วหละ feature ใหม่ในนั้นจะทำให้ทำงานคล่องตัวขึ้นแน่เลย (คิดไปเอง)
มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่มีเป้าหมายทางการเ งิ น เลยทำให้ไม่มีอะไรฉุดรั้งความคิดเลยว่า อันนี้เอาไว้ก่อนดีกว่า เราต้องกันเ งิ นอีกส่วนไว้ลงทุน หรือ อันนี้ยังไม่จำเป็น ยอมลงทุนซ่อมใหญ่ครั้งนึงแล้วใช้ไปได้อีกนานๆ ดีกว่า
6 เหนียวหนี้ มีหนี้แต่ไม่รีบใช้
อาจคิดว่ายังผ่อนไหว หรือผ่อนไปต ามระยะเวลาที่ตั้งไว้ ร้อยทั้งร้อย ตราบใดที่ยังมีเ งิ นเดือนอยู่ ก็จะผ่อนชำระไปเรื่อยๆ เวลาที่มีเ งิ นก้อนมา อาทิเช่น โบนัส แทนที่จะเอาไปโปะ เอาไปปิด ก็เอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยแทน ปล่อยให้ดอกเบี้ยมันกัดกินเ งิ นจ า กกระเป๋าของ
7 เห็นอะไรออกใหม่ก็จะรีบซื้อทันที กลัวตกรุ่น
มนุษย์โดยส่วนมากเมื่อมีแฟชั่นใหม่ๆออกมา ก็จะต้องต าม อย่างนี้เ งิ นจะเหลือได้ยังไง ถ้าหากพวกไม่ระมัดระวังละก็ ต่อให้เ งิ นเดือนจะมากมายแค่ไหนก็จ นอยู่ดี
สิ่งแรกสุดที่ทำได้ทันทีคือ “การลดรายจ่าย”
ลองหาดูว่ารายจ่ายตรงไหนที่เราสามารถลดได้ โดยไม่กระทบชี วิ ตความเป็นอยู่มากนัก
*ถ้ามีก็รีบจัดการด่วนเลย
แต่ถ้าดูแล้วไม่มี แนะนำหารายได้เพิ่ม
หารายได้เพิ่มก็มีหลายแบบ อาจจะเปลี่ยนงาน / ทำงานพิเศษเพิ่ม ที่เค้าฮิตๆทำกันก็พวกข ายของทางเน็ต
*แต่อย่าไปเลียนแบบเค้า ต้องประเมินตัวเองก่อนว่าเราชอบ หรือถนัดหรือไม่ ส่วนวิถีที่ยั่งยืนที่สุดของผมก็คือ เพิ่มคุณสมบัติ เช่น อาจเรียนเพิ่ม ด้านภาษา หรือคุณวุฒิเพิ่ม แล้วสร้างโอกาสในการเติบโตในสายงานของตนเอง
ส่วนเวลานี้ถ้ารายได้ไม่พอจริงๆ อันดับแรกคือ อย่าสร้างหนี้สิน แต่ควรปรึกษาผู้ใหญ่ โดยเฉพาะพี่น้อง หรือพ่อแม่
สร้างวินัยทางการเ งิ น+วางแผนรายรับรายจ่าย+ลดกิเลส เห็นคนสมัยนี้ใช้เ งิ นแบบไม่วางแผน ไม่คิด แล้วก็ค่อยมาคิดเอาตัวรอดที่ปลายเหตุทุกที มันก็วนเป็นวงจรอุบ าทว์ ส่วนบัตรเครดิต บัตรกดเ งิ นสดก็ไม่ต้องไปทำมันถ้าใจไม่แข็งพอ/ควบคุมการใช้เ งิ นตัวเองไม่ได้
เดี๋ยวเป็นหนี้หัวโต ส่วนตอนนี้ถ้ามันหมดทุกหนทางแล้ว ก็มี 3ทางคือสร้างรายได้ จะค้าข ายจะทำอะไรก็ลองหาลู่ทางดู ไม่ก็ลองหยิบยืมคนรอบข้าง(อย่าลืมคืนเค้าด้วยถ้ามี) หรือทางสุดท้ายคือหาสมบัติไปจำนำไม่ก็ข ายเอาเ งิ นมาก่อน แก้ปัญหาให้รอดก่อนแล้วก็กลับมาตั้งหลักใหม่ ขอให้โชคดี
แล้วหาทางออกด้วยกัน สู้ๆ
เรียบเรียงดดย 1ไร่ไม่จ น