”คนเรามีทั้งฉลาด โ ง่ ขยัน และขี้เกี ย จ แตกต่างกันไปมากมาย ไม่ว่าคุณจะเป็นคนแบบไหน แต่การขยันผิดที่ทำไปซ้ำไปซ้ำมาก่อให้เกิดความเสี ย ห ายไม่มีประโยชน์แต่วันนี้ยังไม่สายอยากให้คุณลองคิดทบทวนการทำงานแบบขยันผิดที่ผิดเวลาหลายเหตุผลที่เราไม่ควรขยันผิดที่
1 การทำงานที่ใช้แต่แรงงานเน้นปริมาณไม่ใช้สมอง ทำงานเยอะแต่ไม่มีคุณภาพลองเปลี่ยนวิธีคิดใหม่คิดให้ดีก่อนทำจัดความสำคัญก่อนหลัง เชื่อได้เลยว่างานที่ออกมาจะต้องมีคุณภาพและเสร็จเร็วกว่าเดิมแน่นอน ดีกว่าการทำไปเรื่อยๆโดยไม่มีการวางแผนและไม่ใช้สมอง
2 การทำงานล่วงเวลาโห มงานหนั ก นอนดึกตื่นสายไม่ใช่ว่าทำร้ ายเพียงร่างกายแต่ยังทำลายความคิดสร้างสรรผลงานดีๆเพราะ สมองเบลอจากการอดนอนเรื่องนี้ “เอเรียนนา ฮัฟฟิงตัน” คอลัมนิสต์ ชาวอเมริกันเชื้อสายกรีก ได้เคยกล่าวไว้ในคอลัมน์
3 ขยันทำงานในเวลาที่ต้องส่งงานเป็นการทำงานที่รีบร้อนทำให้อารมณ์เสี ยงานที่ออกมาและยังทำล ายบรรยากาศความสำคัญกับผู้คนรอบข้าง อยากให้คุณได้ลองคิดหาวิธีในการทำงานที่เสร็จตรงตามเวลาควรวางแผนแต่เนิ่นๆที่รับงานมา เพื่อให้งานที่ออกมามีคุณภาพและเสร็จตรงตามเวลา
4 คนที่เป็นนายคนควรเป็นต้นแบบที่ดีให้กับลูกน้อง โดยเฉพาะการจัดการกับเวลาให้คนในที่ทำงานอยู่ในออฟฟิศแค่เพียงในเวลางานไม่ควรให้กลับดึกๆดื่นๆเพื่อแลกกับผลงานที่ออกมาน้อยนิดในเวลาที่ล่ วงไป
5 การขยันทำงานหามรุ่ งหามค่ำ ทำให้สุขภาพเสี ย ร่างกายสุดโทร มตัวอย่างของการทำงานหามรุ่งหามค่ำทำให้เกิดอันตร ายถึงชีวิตด้วยการหัวใจว าย คาโต๊ะทำงานเนื่องจากทำงานหนั กติดต่อกันโดยไม่มีการหยุดพัก 30 ชม
6 อยากให้คิดก่อนสักนิดแล้วคุณจะรู้ว่างานที่ทำส่วนใหญ่ตอนนี้ แทบไม่มีความสำคัญอะไรเลย การทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน วันๆทำแต่งานซ้ำ ๆ เดิม ๆอยู่แต่ในออฟฟิศวันละหลายชั่วโมง อยากให้ลองถามตัวเองว่ามนุษย์เงินเดือนอย่างเรา ที่ทำงานทุ กวันนี้มีประโยชน์กับชีวิตเรามากน้อยแค่ไหน งานที่ทำอยู่ทำให้เราพัฒนาตัวเองหรือไม่ แล้วสิ่งที่เราทำลงไปมีผลอะไรกับสังคมบ้าง
7 ความสำคัญของครอบครัวต้องมาเป็นอันดับหนึ่ง อย่ าปล่ อยให้งานทำลายให้ชีวิตครอบครัวเราพั ง ความสำคัญของการทำงานที่ก้าวหน้าสำหรับใครหลายๆคนต้องการ แต่พอเอาเข้า จริง ๆ การที่มีครอบครัวที่ดี อบอุ่น น่าจะดีกว่าการทำงานเพราะไม่ว่าเวลาทุ กข์หรือสุขคนในครอบครัวก็จะอยู่ข้างข้างเราเสมอซึ่งแตกต่างกับงาน
วลีนี้ เป็นวลียอดฮิตที่มีการกล่าวถึงอยู่ บ่อย ๆ ส่วนตัวผมเองก็เชื่อว่าหลายคนคงได้ยินมาไม่มากก็น้อยเลยล่ะครับ วลีนี้เป็นวลีสั้น แต่ได้ใจความและจบที่ตัวของมันเอง
คำคำนี้มีความหมายที่ฟังดูแล้ว “โดนใจ”จริง ๆ สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวเองทำงานอย่างขยันขันแข็งนะ แต่เริ่มมองเห็นความจริงที่อยู่ตรงหน้าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อย ๆ ก็ยังไปไม่ถึงไหนเสี ยที ตำแหน่งงานเดิม ๆ ธุรกิจเหมือนเดิม เงินเดือนไม่ต่างจากเดิม ฯลฯ จนเริ่มเอาตัวเองไป “เปรียบเทียบ” โดยเฉพาะ “คนรอบข้าง” บางคนที่ประสบความสำเร็จมากกว่า ไปได้ไกลกว่า ก้าวหน้ากว่า สุดท้ายแล้วก็เริ่มเป็นทุ กข์ เลวร้ ายที่สุดคือมีอาการของโรค “ซึมเศร้ า”
ส่วนตัวของผมแล้วคิดว่า “จริง” ครับ และเป็นกันทุกธุรกิจด้วย เป็นกันทุกวงการ ไม่เว้นแม้กระทั่งวงการระดับโลกอย่างฟุตบอล ที่บางคนค้าแข้งกับทีมมานานแต่ไม่ประส บความสำเร็จ เล่นไม่ได้เรื่อง ไม่ได้เป็นตัวจริง ดาราบางคนอยู่กับต้นสังกัดที่อยู่ในช่วงถ ด ถ อย ทั้ง ๆ ที่มีฝีมือ แต่ก็ไม่มีกระแส ไม่มีละครให้เล่น เป็นต้น เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องของ “การอยู่ผิดที่ผิดทาง” เป็นเรื่องธรรมชาติของโลก มาก ๆ ไม่มีวงการไหนที่ขยันอย่างเดียวแล้วจะรวยเสมอไป
สิ่งที่สำคัญกว่านั้นคือเมื่อคุณรู้ตัวแล้วว่าคุณกำลังขยันผิดที่ ทำงานมาเกือบสิบปี ยังไม่รวยหรือก้าวหน้า แล้วคุณจะทำยังไงต่อไปกับมัน คุณจะเลือกที่จะยอมรับหรือเปลี่ยนแปลงตัวเอง สิ่งนี้คือเรื่องของคุณเท่านั้นที่เป็นผู้ตั ดสินใจ
ขงจื้อ ได้กล่าวไว้ว่า “แม่ทัพควรเป็นคนฉลาดและขยัน ส่วนฝ่ายทหารเสนาธิการเอาไว้วางแผนอยู่เบื้องหลังควรใช้คนฉลาดแต่ขี้เกี ย จ งานที่ทำตามคำสั่งไว้ใช้แรงงานคือคนโ ง่และขี้เกี ย จ แต่คนที่ไม่ควรเอาไว้ต้องไปทิ้ งทันทีมันก็คือคนโ ง่แต่ขยันเพราะจะก่อแต่ความเดือดร้อนทำให้งานเสี ย ห าย ฝากไว้ให้คิด
เรียบเรียงใหม่โดย 1 ไร่ไม่จน