สวัสดีท่านผู้อ่านที่น่ารักทุ กท่าน ก่อนอื่นแอดมินและทีมงานเพจเกษตรผสมผสานก็ขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านยังคงติดตามผลงานของเราตลอดมา ทางทีมจะคอยนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความเพลิดเพลินใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านอยู่เป็นนิจนะคะ
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกษตร ธรรมะ ทำบุญ หรือเรื่องราวชีวิตต่างๆเช่นเคยนะคะ ทางทีมงานของฝากคำคมไว้เช่นเคยนะคะ ปริมาณของ “ความสุข” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของ “สิ่งดี ๆ” ที่เราได้รับ แต่อยู่ที่ “มุมมอง” ของเราที่มีต่อ “สิ่งเหล่านั้น” ต่างหาก
เป็นอีกหนึ่งบทความที่ให้แง่คิดดีๆ สำหรับคนเราในสังคมมีหลายแบบ ขณะที่คนกำลังเร่งรีบใช้ชีวิต เดินทางไปทำงานบ้าง ไปเรียนบ้าน ประชาชนต่างมาแออัดอยู่บนรถเมล์สายหนึ่ง ผมในวัย 28 ปี ที่เป็นหนึ่งในคนที่ต้องรีบไปทำงาน
ผมตัดสินใจขึ้นรถเมล์สายประจำมาตั้งแต่เช้าตรู่ บนรถเมล์ มีคุณป้าหิ้วตะกร้าผักเพื่อไปตลาดขึ้นรถมา ผมรีบลุกให้นั่ง คุณป้ายิ้มแล้วถามว่า ไอ้หนุ่มปีนี้อายุเท่าไหร่แล้วล่ะ ผมตอบ “28 แล้วครับ” คุณป้าว่า “28 แล้วยังต้องมา เบียดเ สียดบนรถเมล์อีกหรือ ลูกชายป้า 22 ก็ซื้อรถขับเองแล้ว”

ผมไม่รู้นะครับว่าป้าแกแซวหรือว่าต้องการอวดลูก แต่คุณป้าท่านนี้ ไม่เพียงไม่สำนึกบุญคุณที่ผมลุกให้นั่งแล้วขอบคุณผม กลับตั้งใจ เ สี ยด สี ว่า อายุ 28 แล้วยังไ ร้ความสามารถซื้อรถขับ ดูลูกชายฉันซิ เก่งมากอายุแค่ 22 ก็ซื้อรถขับได้แล้ว
ตอนนั้นผมรู้สึกมีอารมณ์ไม่ดีเล็กน้อย แต่ผมกลับ ไ ม่แสดงอาการ โ ก ร ธคุณป้าแต่อย่างใด แถมไม่เดินหนีอย่างเ สี ยหน้าอีกด้วย ผมพูดด้วย น้ำเสียงราบเรียบว่า
“ผมหาเงินซื้อมาได้คันหนึ่งครับ แต่ผมยกให้แม่ใช้ เพราะ ผมไม่อาจเห็น แม่ผมขึ้นรถเมล์อันเบียดเ สียด ด้วยในวัยนี้ เพื่อไปตลาดได้ครับ”
ผมตอบตามจริง แต่อาจจะกระตุกต่อมคุณป้าเล็กน้อย แน่ล่ะ ผมไม่ได้อคติจริงๆ นะ แต่ไม่รู้ว่าป้าต้องการอะไรถึงได้ถามผมแบบนั้น แต่ความจริงก็คือผมเอารถให้แม่ใช้จริงๆ เนื่องจากแม่ผมชอบไปตลาด และถือของเยอะแยะมากมาย การที่ขับรถไปเองย่อมดีกว่าถือของพะรุงพะรังขึ้นรถเมล์เสี ยอีก

คราวนี้ คนที่เสี ยหน้ากลับกลายเป็นคุณป้า ผมถือได้ว่า ฝีปากดีเยี่ยม การตอบนั้นสุดยอด ชั้นเซียน ทั้งยังกระทุ้งปัญห าสังคม ปัจจุบันที่ลูกเต้า เห็นแก่ความสุขส่วนตัวเสวยสุขโดยไม่นึกถึง พ่อแม่ และทั้งยังเป็นการสอนคนแก่อีกด้วย
คุณป้าคนนี้ แม้ว่าลูกชายจะเก่งเพียงใด ทำไมคุณป้า ยังต้องมาขึ้นรถเมล์ เพื่อไปตลาดอีกล่ะ มีอะไรให้ภูมิใจหรืออวดต่อใครๆ งั้นเหรอ การหวังให้ลูกเป็นอภิชาติบุตรนั้นถูกต้อง แต่การมีลูกหลานกตัญญู และเป็นคนดีนั้น มันน่าดีใจกว่าเยอะเลย
ลูกเอ๋ย…ยามที่พ่อแม่ของเจ้ามีอายุมากขึ้น ย่อมมีโ ร คภั ยไข้เจ็บมาเบียดเบียน ความแข็งแรงของร่างกายที่เคยมีก็ลดลง ใจน้อยง่าย ความจำก็เสื่อม ขี้หลงขี้ลืม จิตใจก็หมดความสุขสดชื่น ถึงแม้พวกเจ้าจะคอยเอาใจใส่ดูแลใกล้ชิดสักเพียงใดก็ตาม ก็ไม่อาจช่วยให้พ่อแม่ของเจ้ามีความสุขได้เต็มที่
เพราะพวกเจ้าทุกคนต่างก็มีภาระหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ เจ้าช่วยท่านให้ได้รับความสุขเพียงการให้กินอยู่หลับนอน อันเป็นความสุขทางกายเท่านั้น แต่จิตใจของท่าน หาได้ร่าเริงสดชื่นผ่องใสไม่

เจ้าจงจำไว้ว่า การให้ความสุขแก่พ่อแม่อย่างแท้จริงก็คือ การให้ธรรมะ ด้วยการสอนหลักธรรมง่ายๆให้พ่อแม่ของเจ้า พาท่านไปทำบุญทำท าน สอนท่านให้รู้จักการปฏิบัติบูชา สวดมนต์ ภาวนา แผ่เมตตา ธรรมะจะอยู่ในจิตใจของพ่อแม่เจ้าทุ กภพทุ กชาติ ถือว่าเป็นการทดแทนพระคุณที่สูงสุด
รู้ไหมคะว่าประเภทของบุตรแบ่งโดยความดีในตัวได้เป็น ๓ ชั้น ดังนี้
๑ อภิชาตบุตร คือบุตรที่ดีมีคุณธรรมสูงกว่าบิดามารดา เป็นบุตรชั้นสูง สร้างความเจริญแก่วงศ์ตระกูล
๒ อนุชาตบุตร คือบุตรที่มีคุณธรรมเสมอบิดามารดา เป็นบุตรชั้น กลาง ไม่พอ รั ก ษ า วงค์ตะกูลไว้ได้
๓ อวชาตบุตร คือบุตรที่เล ว มีคุณธรรมต่ำกว่าพ่อแม่ เป็นบุตรชั้นต่ำ นำความเสื่อมเสียมาสู่วงศ์ตระกูล
หลังจากอ่านบทความนี้แล้วมาดูกันว่าคุณอยากได้ลูกแบบไหน
ที่มา fastviweuk เรียบเรียงโดย เพจเกษตรผสมผสาน