อาณาจักร ‘เกลือ เป็นต่อ’ บั้นปลายชีวิตหลังลาวงการ ใช้ชีวิตสมถะที่บ้านเกิด

สวัสดีท่านผู้อ่านที่น่ารักทุ กท่าน ก่อนอื่นแอดมินและทีมงานเพจเกษตรผสมผสานก็ขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านยังคงติดตามผลงานของเราตลอดมา ทางทีมจะคอยนำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความเพลิดเพลินใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านอยู่เป็นนิจนะคะ 

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับเกษตร ธรรมะ ทำบุญ หรือเรื่องราวชีวิตต่างๆเช่นเคยนะคะ ทางทีมงานของฝากคำคมไว้เช่นเคยนะคะ ปริมาณของ “ความสุข” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของ “สิ่งดี ๆ” ที่เราได้รับ แต่อยู่ที่ “มุมมอง” ของเราที่มีต่อ “สิ่งเหล่านั้น” ต่างหาก

เตรียมทิ้ งวงการเป็นเกษตรกร! อาณาจักร ‘เกลือ เป็นต่อ’ ลุยดำนาปลูกข้าว ใช้ชีวิตสมถะที่บ้านเกิดอุดรธานี เชื่อว่าหลายคนคงคุ้นหน้าคุ้นตากันเป็นอย่างดีสำหรับ ‘กิตติ เชี่ยววงศ์กุล’ หรือที่หลายๆคนรู้จักกันในนามของ ‘เกลือ เป็นต่อ’ จากบทบาทของ ‘วอก’

จากละครซิตคอมเรื่อง ‘เป็นต่อ’ ร่วมกับ ‘ชาคริต แย้มนาม’ , ‘เจี๊ยบ เชิยยิ้ม’ และ ‘อู๊ด เป็นต่อ’ นั่นเอง และต้องบอกเลยว่า ‘เกลือ เป็นต่อ’นั้นไม่เพียงแค่เก่งเรื่องการแสดงเท่านั้น เพราะเจ้าตัวยังเป็นนักเขียนบท และผู้กำกับละครจำนวนมาก ไม่ว่าจะเป็น ‘เฮง เฮง เฮง’ ,

‘บ้านนี้มีรัก’ , ‘ยีนเด่น’ , ‘บางรักซอย 9’ , ‘ผู้กองเจ้าเสน่ห์’ รวมถึงซิตคอมเรื่อง ‘เป็นต่อ’ ที่เจ้าตัวแสดงอีกด้วย ล่าสุดทางด้าน ‘เกลือ เป็นต่อ’ ได้ทิ้ งชีวิตเมืองกรุง ทำฟาร์มที่บ้านเกิด จ.อุดรธานี ตามรอย ‘ชาคริต แย้มนาม’ โดยทางด้าน ‘เกลือ เป็นต่อ’ ได้ลงทุนซื้อที่ทำฟาร์ม

พร้อมกับขุดเจาะหาบ่อน้ำไว้สำหรับการเตรียมทำเกษตร ในช่วงบั้นปลายของชีวิต โดยเจ้าตัวเคยได้ออกมาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่า “เรื่องมันเริ่มจากก่อนหน้านี้ อยู่กทม. รู้สึกว่าไม่มีอะไรทำ ก็กลับบ้านที่อุดรฯ ดีกว่า ในใจลึก ๆ ที่อย ากจะมีฟาร์ม มีไร่ เรากับภรรยาอย ากมีอยู่แล้ว

แต่เรายังไม่ได้เริ่มลงมือทำสักที พอกลับไปบ้านก็รู้สึกว่าแม่เราอายุมากแล้ว เรารู้สึกว่าอย ากกลับไปดูแลแม่ แต่ถ้าเรากลับไปเราก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไรที่อุดรฯ

ไปถึงก็ไม่มีอะไรทำ ก็เลยคิดว่าถ้ามีอะไรทำมันก็น่าจะดี ผมก็คิดได้ว่าจริง ๆ เราก็ซื้อที่ไว้นานแล้วที่อุดรฯ ก็คุยกันในครอบครัว คุยกับน้องเขยด้วยว่าเราอย ากทำ

น้องเขยก็เลยออกแบบที่ให้ ปรากฎว่าทุกอย่างมันก็ลงตัวพอดี ส่วนหนึ่งเราได้ฟังพระราชดำรัสในหลวง ร.9 เรื่องเกษตรทฤษฎีใหม่มาสักระยะนึง

มันก็คงดีนะถ้าเรามีที่สักที่ที่เราจะได้ปลูก ได้ทดลองในสิ่งที่เราได้ศึกษามา เราก็เริ่มเลย บอกว่าถ้าจะทำ ต้องทำตอนนี้ ถ้าไม่ทำตอนนี้ เรากลับกรุงเทพฯจะไม่มีเวลาทำแล้ว

เพราะเราก็ไม่รู้ต่อไปต้นไม้มันก็น้อยลงเรื่อย ๆ เราไม่รู้ว่าเขาจะได้เรียนรู้ชีวิตที่ใกล้เคียงธรรมชาติแบบนี้หรือเปล่า ลูกเราก็ไม่รู้ว่าเขาจะมีหลานให้เราหรือเปล่า

พอเราแก่ไปก็คงจะดีถ้าเราทำที่ไว้ล่อเด็ก ๆ เอาลูกหลานคนอื่นมาเล่น ผมคิดว่าถ้าเราจะกลับบ้าน แล้วไปอยู่ในจังหวัดของเรา ได้พัฒนาที่นั่น

ได้มีอะไรดี ๆ ให้กับที่นั่น ผมได้มีเวลาอยู่กับแม่ อยู่กับพ่อ พี่น้อง และครอบครัว เราก็เลยคุยกันขำๆว่า ไม่เห็นเป็นไร ในเมื่อเรามีสวนในแต่ละจังหวัด

เรื่องลาวงการ ลาไม่ลาวันหนึ่งก็ต้องลาจริงไหมยังไงวันนึงมันต้องมีวันที่ผมลาวงการอยู่แล้ว ไม่ผมลาเองก็ต้องไม่มีคนนิยมผม จนผมต้องลาวงการไปเอง มันเป็นสัจธรรมที่คนในวงการรู้ดีอยู่แล้ว”

ขอขอบคุณที่มา thaisiamnews.info  เรียบเรียงโดย เพจเกษตรผสมผสาน

Facebook Comments Box