นักแสดงรุ่นใหญ่ ปุ๊ มนตรี เจนอักษร เผยเส้นทางความรักมาราธอน ภรรยาคู่ชีวิ ต 40 กว่าปี รับเป็นคนขี้อาย ทั้งชีวิ ตมีแฟนแค่คนเดียว ตอนนี้กลายเป็นคุณปู่หลงหลานหนักมาก
งานนี้อาปุ๊ยังยอมรับว่าเป็นคุณปู่ที่หลงหลาน และทุกประเด็นในรายการคุยแซ่บSHOW ทางช่องวัน 31 ที่มี พีเค ปิยะวัฒน์ และชมพู่ ก่อนบ่าย เป็นพิธีกรดำเนินรายการ

สมัยก่อนขี้อายมาก? อาปุ๊ : “เป็นคนที่ไม่เชื่อมั่นในตนเองเลยตั้งแต่เด็กๆ ให้ไปพูดหน้าห้องซ้อมมาอย่างดี พอถึงเวลาพูดไม่ได้ ความขี้อายความไม่มั่นใจตัวเองมันสูงมาก พอไปเรียนที่มหาวิทยาลัย
อาจารย์ที่สอนด้านการแสดงบอกว่าขอให้มาเรียนวิชานี้กับครู ศิลปะด้านการแสดงนี่แหละ มันจะได้หายจากอาการที่เรามีทั้งหมด พอเราเข้าไปในตัวละครลืมทุกอย่างแล้วเป็นละครตัวนั้น ทุ กวันนี้ยังเป็นอยู่ อย่างงานเลี้ยงปิดกล้องถ้าเราต้องร้องเพลงจะไม่กล้าขึ้นไปร้อง”

เรื่องแรกที่เข้าวงการทั้งอ่านสปอต ทั้งพากย์เสียง? อาปุ๊ : “เรียนจบแล้วไปเล่นละครเวที แล้วมีคนอย ากได้พระเอกหน้าตาซื่อบื้อหน่อย เราไปเล่นเรื่องนี้ ทีนี้เราจะตามติดผู้กำกับฯ ตลอด เขาจะสอนเรายังไง เขาจะบอกอะไร เราอย ากได้ความรู้จากเขา เขาได้ยินเสียงเราการพูดของเรา เขาก็โยนทุ กอย่างให้เราหมดเลย”

แจ้งเกิดเป็นพระเอก แต่หนีไปอยู่ต่างประเทศ? อาปุ๊ : “ด้วยตัวตนเป็นคนสมถะ ยังอายอยู่ยังไม่กล้าเข้าหน้าฝูงชน เรื่องแรกได้เสียงตอบรับที่ดีเพราะไปได้รางวัลที่ต่างประเทศ คนรู้จักเยอะมาก คนที่ไม่มั่นใจในตัวเองทุ กคนมารุมเราอยู่คนเดียว
เราทำอะไรไม่ถูกเลย ปากจะเริ่มสั่น เรารับความมีชื่อเสียงตอนแรกแทบไม่ได้เลยไปเมืองนอก ต้องหนีไปอยู่ไกลมากที่เนเธอร์แลนด์ ขนาดไปที่นั่นยังมีคนทัก เรามีความรู้สึกว่าชีวิ ตเราต้องมาเป็นที่รู้จัก

ต้องรับสิ่งนี้ให้ได้ต้องไปพร้อมกัน เพราะเราชอบแสดงมาก สิ่งพวกนี้มันมาพร้อมกัน ทำใจจนได้ ตอนนี้ไปไหนมาไหนทักทายผู้คนได้”
ทำงานมา 40 กว่าปี ไม่เคยสาย? อาปุ๊ : “ไม่เคยสายแม้แต่ครั้งเดียว ในความขี้อายมีความเกรงใจอยู่ในนั้นด้วย เกรงใจทุกคนที่ทำงานร่วมกับเรา

ถ้าเราไปสายเป็นภาระคนโน้นคนนี้เราทำไม่ได้เลย เราได้รับการสอนมาอย่างนั้นด้วย เล่นละครเวทีใครมาสายแม้แต่นาทีก็ไม่ได้”
ความขี้อายทำให้ทั้งชีวิ ตมีแฟนคนเดียว? อาปุ๊ : “ใช่ครับ เป็นเพื่อนกันมาตอนมหาวิทยาลัย ไม่ได้เก่งกาจจะไปจีบใคร เรียนด้วยกันก็ชอบเขา เขาน่ารักพูดคุยกันรู้เรื่องทุกเรื่อง พูดภาษาเดียวกันหมด

ไม่เคยจีบเลยรวบรวมความกล้าครั้งเดียวในชีวิ ต กับความกรึ่มหน่อยๆ โทรไปหาเขาบอกเขาว่าชอบนะ พอพูดออกมาได้ก็วางหูไป ตอนนั้นเขาไม่ได้ตอบอะไร ไม่กล้าเจอหน้าเขาเลย หนีตลอดเลย
จนเขาต้องมาคุยเองว่าตกลงยังไง ก็เขินๆ กันทั้งคู่ หลังจากนั้นก็คุยกัน เป็นแฟนกันโดยไม่รู้ตัว ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด”
พอเรียนจบ เปลี่ยนอาชีพเกือบเลิกกัน? อาปุ๊ : “เขาไปเป็นอาจารย์ เราก็เป็นอาจารย์ เขาสอบแอร์โฮสเตสติด ด้วยความที่เราสมถะเป็นอาจารย์มันดีแล้ว เราก็เริ่มคิดว่าเขาจะต้องไปพบคนมากหน้าหลายตา

ห วง ไม่มั่นใจในตนเอง คิดไปใหญ่เลย ความเห็นไม่ตรงกัน ท้ายที่สุดมันก็ต้องทำใจ มันอยู่ที่ความเชื่อใจ”
สุดท้ายทำไมถึงยอมให้ไปเป็นแอร์โฮสเตส? อาปุ๊ : “น่าจะเป็นทางที่ดีกว่าสำหรับตัวเขา และมันเป็นสิ่งที่เขารักจะทำ เราก็ยอม แรกๆ กลัวมาก กลัวไปต่างๆ นานา กลัวว่าเขาจะไปเจอใคร ไม่ทะเลาะกันแต่ความเห็นไม่ตรงกันครั้งแรกเลย มันเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเขาเลยยอม”

จากอาจารย์มาเป็นนักแสดง? อาปุ๊ : “เขาไม่ห วงเลย เขาแน่ใจอะไรก็ไม่รู้ว่าไอ้นี่ไปไหนไม่ได้หรอก”
เข้าวงการมาได้ยังไง? อาปุ๊ : “เล่นละครเวที มีคนเห็นว่าเราเล่นหนังได้ เอาเราไปเล่นพระเอก ตอนนั้นคิดอยู่นานว่าจะเล่นดีไหม เพราะตอนนั้นเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยอยู่ด้วย ทางบ้านไม่รับเลยถ้าเราจะเป็นนักแสดง เพราะที่บ้านเป็นข้าราชการมาโดยตลอด คุณพ่อจะไม่สนับสนุน แต่คุณแม่ให้ลอง เราต้องออกจากการเป็นอาจารย์”

คนหนึ่งถ่ายละครหนัก คนหนึ่งบินหนัก เอาเวลาไหนมาเจอกัน? อาปุ๊ : “ไม่มีงานก็มีครอบครัวคิดแค่นั้น แต่ไม่ค่อยชนกัน ไม่ใช่งานคือครอบครัว ก็ไม่มีอะไรอีกแล้วเราไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน”

การไปเที่ยวกันสองต่อสองเป็นเรื่องลำบ ากสมัยก่อน? อาปุ๊ : “ใช่ เราไปถ่ายละครเยอะมากที่ต่างจังหวัด เขาก็บินเยอะมาก เวลาจะเที่ยวเขาลงจากเครื่องไปเที่ยวเขาใหญ่กัน เราก็บอกเขาใหญ่เพิ่งไปมาเมื่อวาน ไปถ่ายละครจะอยู่นานมาก พอไปเมืองนอกเราจะไปชื่นชมศิลปะเขาก็เห็นหมดแล้ว”
มั่นใจในกันและกันมาก? อาปุ๊ : “มันเห็นกันมาตั้งแต่เป็นเพื่อน ไม่น่าจะมีอะไร ไม่น่าจะไปข้องแวะกับใคร”

แอบชอบนางเอกบ้างไหม? อาปุ๊ : “มีหนังเรื่องนึง ต้องวาดรูปนางเอกคนนึง วาด 3-4 วัน แล้วรักไปเลย แต่ไม่มีอะไรเกินเลย พอรู้สึกรักเราใจหายถึงตาตุ่ม หลังจากนั้นพอต้องดูรูปแล้ววาด เราจะไม่ดูหน้าเขาเลย เขาก็ไม่รู้จนบัดนี้”
เวลาไปถ่ายละครต่างประเทศ แฟนแพ็กกระเป๋าให้พร้อมใส่ถุงยางอนามัยไปด้วย? อาปุ๊ : “เขาบอกว่าเผื่อนะ กลับมามันก็อยู่เท่าเดิม เราก็ไม่ได้ถามแต่ก็มองหน้ากัน คงเผื่อหน้ามืดเราก็ไม่รู้”

อยู่กันมากี่ปี? อาปุ๊ : “40 กว่าปี ทะเลาะย ากมาก เพราะเราไม่ชอบทะเลาะกับใคร มันเสียเวลาชีวิ ต ยิ่งเป็นคนในครอบครัวยิ่งไม่อย าก ถ้ารู้ว่าจะทะเลาะง้อเลย ง่ายที่สุดเลย ง้อง่ายไม่เห็นจะย ากเลย ขอโทษนะ”
มีผู้หญิงอีก 2 คนที่รักมาก? อาปุ๊ : “หลานครับ เป็นคุณปู่คือที่สุดแล้ว อย ากได้ลู กสาวมาตั้งนานแล้วไม่ได้ ปู่ติดหลาน เรารักเขาแต่ถ้าพ่อกับแม่เขาไม่อนุญาติให้ทำแบบนี้ เราก็ต้องตามพ่อกับแม่เขา”

รักหลานมากกว่าลู ก? อาปุ๊ : “เมื่อก่อนก็ไม่เข้าใจ พอถึงรุ่นเรามันก็คล้ายๆ อย่างนั้น ลู กไม่ต้องห่วงแล้ว”
เป็นปู่ใจดี? อาปุ๊ : “ใจดี มันมีความสุขไปหมดเวลาอยู่กับเขา”
แอดมินเพจเกษตรผสมผสานฝากคำคมไว้เช่นเคยนะคะ ปริมาณของ “ความสุข” ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนของ “สิ่งดี ๆ” ที่เราได้รับ แต่อยู่ที่ “มุมมอง” ของเราที่มีต่อ “สิ่งเหล่านั้น” ต่างหาก
ขอขอบคุณข้อมูล khaosod.co.th เรียบเรียงโดย เพจเกษตรผสมผสาน