สวัสดีค่ะ ในการทำเกษตร สิ่งสำคัญที่จะช่วยให้พืชผักเจริญเติบโตงอกงามได้ ก็ต้องใช้การบำรุงจากปุ๋ย แต่การใช้ปุ๋ยเคมี ไม่เพียงแต่ส่งผลเสียต่อผู้บริโภค สำหรับเกษตรกรก็ยังไม้รับเช่นกัน
ดังนั้นวันนี้แอมินจะมาบอกวิธีทำปุ๋ยหมักจากธรรมชาติ ที่สามารถทำเองได้ง่ายๆ จากวัถุดิบที่หาได้ทั่วไป และยังมีความปลอดภัยมากกว่าอีกด้วย
ประโยชน์ของการทำปุ๋ยหมักชีวภาพ
1.เป็นปุ๋ยหมักสูตรเทียบเคียงปุ๋ยเคมีจึงมีคุณสมบัติที่ดีต่อพืชไม่ต่างกัน
2.ทำให้เกษตรกรสามารถลดค่าใช้จ่ายจากการซื้อปุ๋ยเคมีที่มีราคาสูง
3.สามารถจัดหาวัตถุดิบได้เองในท้องถิ่น ซึ่งมีราคาถูกกว่าปุ๋ยเคมี
4.เป็นปุ๋ยหมักชีวภาพ ที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติ ไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพทั้งผู้บริโภคและเกษตรกรเอง

สูตรที่ 1 ปุ๋ยหมักสูตร 46-0-0(โบโบชิ)
ส่วนผสมที่ใช้
1.ขี้ค้างคาว 6 กิโลกรัม
2.น้ำหมักชีวภาพ พด.2 หรือ EM
3.กากน้ำตาล
4.มูลไก่ 1 กระสอบ
5.แกลบดิบ 1 กระสอบ
6.รำ 1 กระสอบ
ขั้นตอนในการทำ
1.ก่อนอื่นให้นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ดังนี้ แกลบดิบ มูลไก่ ขี้ค้างคาว และรำข้าว มาผสมให้เข้ากัน จากนั้นก็เกลี่ยให้เป็นกองแนวราบ
2.ต่อมาให้นำน้ำหมักชีวภาพ พด.2 หรือ EM ที่เตรียมไว้ มาเทราดลงบนกองส่วนผสมที่ผสมเมื่อกี้ และเทกากน้ำตาลรดลงบนกองด้วย โดยให้ผสมกันจนได้ความชื้นที่ 60%
3.เมื่อผสมส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันตามสูตรแล้ว ให้ตักปุ๋ยบรรจุใส่กระสอบฟางไว้ ไม่ต้องเต็มมาก ให้เหลือพื้นที่ไว้สำหรับมัดปากถุงให้แน่น แล้วนำไปหมักไว้ในที่ร่ม
4.ต้องทำการกลับกระสอบทุกวัน โดยให้กลับกระสอบไปมาวันละ 1 ครั้งจนครบ 7 วัน
5.เมื่อครบวันที่ 7 ให้วางกระสอบในแนวตั้ง แล้วทำการเปิดปากกระสอบเพื่อระบายความร้อน ตั้งทิ้งไว้อีก 1 คืน เพียงเท่านี้ก็จะได้ปุ๋ยหมักโบโบชิ นำไปใช้ได้แล้ว

สูตรที่ 2 ปุ๋ยหมักสูตร 16-16-16
ส่วนผสมที่ใช้
1.แกลบดิบ 1 ส่วน
2.แกลบดำ 1 ส่วน
3.ดินดี 1 ส่วน
4.พืชตระกูลถั่ว 1 ส่วน
5.รำอ่อน 1 ส่วน
6.มูลสัตว์ 1 ส่วน
ขั้นตอนในการทำ
1.ให้นำส่วนผสมที่เตรียมไว้ทั้งหมดมาผสมกัน โดยนำมาคลุกให้เข้ากัน (ยกเว้นรำอ่อนให้ใส่หลังสุด)
2.แล้วก็ผสมน้ำหมักชีวภาพ นำกาก น้ำตาล 2 ช้อนแกงลงผสมกับน้ำหมัก 2-8 ช้อน แล้วเติมน้ำ 20 ลิตรคนให้เข้ากันนำใส่บัวรดน้ำ (หรือใครจะใช้เป็นน้ำซาวข้าวแทนกากน้ำตาลมาผสมก็ได้)
3.เกลี่ยกองส่วนผสมที่ผสมไว้ออกเป็นวงกลม จากนั้นก็รดน้ำหมักลงบนกองปุ๋ยที่ผสมไว้ โดยให้ความชื้นประมาณ 60% คลุกเคล้าให้เข้ากันดี
4.หมักทิ้งไว้ 7 วัน โดยพลิกกระสอบปุ๋ยทุกวัน เพื่อเป็นการระบายความร้อน
ขอบคุณข้อมูล : ครูชาตรี ต่วนศรีแก้ว