มหาเศรษฐี ผู้บริจ าคเงิ นกว่า 2 แสนล้านเพื่อการกุศล เหลือเพียงเงิ นไว้ใช้ชีวิ ตในบั้นปลาย
เว็บไซต์ Ladbible และนิตยสาร Forbes รายงานเรื่องราวของ “ชาร์ลส์ ฟรานซิส ฟีนีย์” หรือ “ชัค ฟีนีย์” (Charles ‘Chuck’ Feeney) มหาเศรษฐีวัย 89 ปี ที่เติมเต็มความปรารถนาอันย าวนานในชีวิ ตของเข า
ด้วยการบริจ าคทรัพย์สินทั้งหมดของเข า เพื่อการกุศล คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 2.4 แสนล้านบ าท) ทำให้ตอนนี้เข า แทบจะไม่เหลือสิ่งใดติดตัว นอกจ ากเงิ นสำหรับดำรงชีวิ ตในบั้นปลายเท่านั้น แต่เข า ก็ยืนยันว่าเข า ไม่อาจจะมีความสุขไปมากกว่านี้แล้ว
สำหรับ ชัค ฟีนีย์ เป็นมหาเศรษฐีสัญชาติไอริช-อเมริกัน เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งธุรกิจค้าปลีกขนาดใหญ่อย่าง Duty Free Shoppers ร้านค้าปลอดภาษีที่มีสาข า อยู่ในสนามบินทั่วโลก ซึ่งได้สร้างรายได้มหาศาลแก่เข า
ในขณะเดียวกันเข า ยังเป็นที่รู้จักในฐานะมหาเศรษฐีใจบุญ ที่มักบริจ าคเงิ นของเข า เพื่อสาธารณประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการศึกษา การเปลี่ยนแปลงทางสังคม การพัฒนาระบบสาธารณสุขในหลายๆ ประเทศ ผ่านทางองค์กร Atlantic Philanthropies ที่เข า เป็นผู้ก่อตั้งขึ้นในปี 2527

และในขณะที่เศรษฐีจำนวนมาก มักจะมีชื่อปรากฏต ามสื่อเวลาที่มีการบริจ าคเงิ นก้อนใหญ่ ชัค ฟีนีย์ เลือกที่จะกระจ ายทรัพย์สินของเข า ในแบบไม่ออกนามเป็นส่วนมาก จนได้ฉาย า “เจมส์บอนด์แห่งความใจบุญ” (James Bond of Philanthropy)
นอกจ ากนี้เข า ยังเป็นผู้บุกเบิกแนวคิด “การให้ในขณะที่ยังมีชีวิ ตอยู่” (Giving While Living) วิธีคิดแบ่งปันความมั่งมีไปกับการบริจ าคครั้งใหญ่เพื่อสาธารณประโยชน์ ในขณะที่ยังมีชีวิ ตอยู่ แทนที่จะก่อตั้งมูลนิธิหลังเสียชีวิ ตไปแล้ว ซึ่งกลายมาเป็นแรงบันดาลใจแก่มหาเศรษฐีคนอื่นได้ก้าวเดินต าม
ภายใต้การบริหารจัดการขององค์การการกุศล Atlantic Philanthropies เงิ นของ ชัค ฟีนีย์ กว่า 8,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ มากมาย
อาทิ สนับสนุนการเรียกร้องสันติภาพในไอร์แลนด์เหนือ สนับสนุนการปรับปรุงระบบสาธารณสุขในเวียดนาม เงิ นช่วยเหลือในแคมเปญยกเลิกโทษประหารในสหรัฐฯ รวมถึง 3,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1.1 แสนล้านบ าท)
ที่ถูกมอบเพื่อพัฒนาด้านการศึกษา โดยมอบให้กับมหาวิทย าลัยคอร์เนล สถาบันการศึกษาที่เข า เป็นศิษย์เก่า เกือบ 1,000 ล้านดอลล่าร์

หนึ่งในของขวัญชิ้นสุดท้ายที่เข า มอบเพื่อการกุศล คือเงิ นสนับสนุน 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 1 หมื่นล้านบ าท) ที่มอบแก่มหาวิทย าลัยคอร์เนล เพื่อสร้างวิทย าเขตด้านเทคโนโลยี บนรูสเวลท์ ไอซ์แลนด์ ที่นิวยอร์ก ซิตี สหรัฐฯ
โดย ชัค ฟีนีย์ ยังเคยให้สัมภาษณ์ในปี 2555 เผยการคาดการณ์ว่า เข า น่าจะเหลือเงิ นอยู่อีกเพียง 2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 62 ล้านบ าท) สำหรับชีวิ ตวัยเกษียณของเข า
และภรรย า ซึ่งถือว่าเป็นเงิ นที่น้อยมาก สำหรับคนที่เคยเป็นมหาเศรษฐีผู้มีทรัพย์สินหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐ
กระทั่งในที่สุดเมื่อวันที่ 14 กันย ายน 2563 หลังสิ้นสุดภารกิจการให้ตลอด 40 ปีที่ผ่านมา ชัค ฟีนีย์ ก็ได้ลงนามในเอกสารปิดตัวองค์กร Atlantic Philanthropies เป็นที่เรียบร้อย

โดยเข า ยังได้เปิดใจกับ นิตยสารฟอร์บส์ ว่า เราได้เรียนรู้อะไรมากมาย เราอาจจะทำบ างสิ่งที่ต่างออกไป แต่เข า ก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างยิ่ง เข า รู้สึกดีที่ได้ทำสิ่งเหล่านี้ ซึ่งต้องขอบคุณทุกๆ คนที่เข้ามาร่วมเดินบนเส้นทางเดียวกัน
และเข า ยังฝากถึงผู้คนที่ยังสงสัยเกี่ยวกับแนวคิด ให้ในขณะที่ยังมีชีวิ ต ว่า “ได้โปรดลองดู แล้วคุณจะชอบมัน”
ในบทความ “The Billionaire Who Is Trying To Go Broke” หรือ “เศรษฐีพันล้านผู้พย าย ามจะสิ้นเนื้อประดาตัว” ในนิตยสารฟอร์บ ปี 2555 ฟีนีย์ เผยความตั้งใจว่าจะกันเงิ นไว้ 2 ล้านดอลลาร์เท่านั้นไว้ใช้ในบั้นปลายกับภรรย า และว่าเข า มีความสุขที่สิ่งที่กำลังอยู่ ช่วยเหลือผู้อื่นได้ และไม่มีความสุขเมื่อสิ่งที่กำลังอยู่ ช่วยคนอื่นไม่ได้
“ผมไม่เห็นเหตุผลแม้แต่น้อย ที่จะชะลอการให้ ในเมื่อสิ่งดี ๆ สามารถบรรลุได้ผ่านการสนับสนุนสิ่งที่คุ้มค่า นอกจ ากนี้ การให้ขณะที่คุณยังมีชีวิ ตยังมีความสนุกมากกว่าการให้ตอนที่จ ากไปแล้วเป็นไหนๆ” ชัค ฟีนีย์ เผยผ่านเว็บไซต์ของเข า ในปี 2562

ความเอื้อเฟื้อของ ชัค ฟีนีย์ ซึ่งปัจจุบันอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ธรรมดาๆ ในซานฟราซิสโก คือแรงบันดาลใจให้ บิล เกตส์ และ วอร์เรน บัฟเฟต์ ก่อตั้ง Giving Pledge ในปี 2553 เพื่อรณรงค์ให้เศรษฐีทั่วโลกสัญญาว่าจะยกสมบัติอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเพื่อการกุศลก่อนเสียชีวิ ต
โดย บิลเกตส์ กล่าวว่า ชัคได้สร้างทางไว้ให้ผู้ใจบุญทุกคนดำเนินรอยต าม ก่อนตั้ง Giving Pledge ชัคแนะนำว่าเราควรกระตุ้นให้เศรษฐียกสมบัติมากที่สุดขณะยังมีชีวิ ต ไม่ใช่แค่ 50 % ขณะที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ กล่าวว่า ชัคเป็นต้นแบบและเป็นฮีโรของพวกเราทุกคน
ไม่ว่าเราจะทำบุญด้วยวิธีการใด ถ้าทำด้วยความเต็มใจ ไม่หวังผลตอบแทน อานิสงส์ผลบุญที่ได้ก็ส่งกลับมาเช่นเดียวกัน
ที่มา: LadBible