ด้วยแนวความคิดหลักด้านองค์ประกอบของความสุขของมนุษย์ 2 ประการ คือ ความสุขที่เกิดจากครอบครัวและพื้นที่สีเขียว “มนุษย์จะมีความสุขได้ต้องอยู่กับคนที่เรารัก ทุกคนมีพื้นที่เฉพาะและพื้นที่ส่วนกลางที่ทำให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน…ยิ่งมนุษย์ได้อยู่ใกล้พื้นที่สีเขียวมากเท่าไร จะมีอายุยืนและทำให้ออกกำลังกายมากกว่าคนที่อยู่ไกลพื้นที่สีเขียว”
กรณีที่ รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้แก้ไข พ.ร.บ.ป่าไม้ พ.ศ. 2484 โดยการแก้ไขมาตรา 7 ที่กำหนดเกี่ยวกับไม้หวงห้ามที่ขึ้นในที่ดินที่มีกรรมสิทธ์หรือสิทธิครอบครองตามประมวล กฎหมายที่ดิน หรือไม้ที่ปลูกขึ้นในที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์ตามประเภทหนังสือแสดงสิทธิที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
โดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี ให้ถือว่า ไม่เป็นไม้หวงห้าม สามารถปลูกและตัดขายได้ในอนาคตอย่างถูกกฎหมาย โดยปลดล็อคไม้หวงห้าม จานวน 158 ชนิด เช่น ไม้สัก ไม้ยาง ไม้พะยูง และไม้หายาก จานวน 13 ชนิด เช่น กระเบา มะแข่น จันทน์หอม ตีนเป็ดแดง เป็นต้น นั้น
นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า หลังจากที่รัฐบาลปลดล็อกแก้ไขกฎหมาย จากไม้หวง ห้ามเป็นไม้มีค่า ปัจจุบันประชาชนปลูกไม้มีค่าและลงทะเบียนกับกรมป่าไม้ไปแล้ว 70,874 ราย เนื้อที่รวม 1,116,200ไร่ คิดเป็นต้นไม้มีค่าประมาณ 223,240,000 ต้น
ซึ่ง นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี ครม.ขอความเห็นชอบ ในการออกเป็นประกาศกระทรวงฯ ปลดล็อก พื้นที่ ส.ป.ก. ซึ่งเป็นประเภทที่ดินที่ได้รับอนุญาตให้ทำประโยชน์

เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถปลูกไม้มีค่าได้ ในที่ดิน ส.ป.ก. เพื่อสร้างโอกาสในการประกอบอาชีพ และสร้างรายได้ให้ครัวเรือน นอกจากนี้ไม้ที่ปลูกสามารถใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน เป็นการปลูกป่าสร้างรายได้และเป็นมรดกให้กับครอบครัวในอนาคตได้อีกด้วย
ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีรายได้ อีกทั้งยังช่วยแก้ปัญหาการบุกรุกและลักลอบตัดไม้ และเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่สีเขียวและสร้างความชุ่มชื้น ให้กับประเทศอีกทางหนึ่ง ซึ่งคาดว่าจะมีคนสนใจปลูกไม้มีค่าเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 ล้านไร่ อนาคตอีกไม่นานประเทศไทยจะมีเศรษฐกิจมูลค่ามหาศาลจากไม้มีค่า
นางนันทนา บุณยานันต์ โฆษกกรมป่าไม้ กล่าวว่า กรมป่าไม้พร้อมให้การสนับสนุนประชาชนที่ปลูกไม้มีค่าทางเศรษฐกิจ ร่วมลงทะเบียนไม้มีค่าในที่ดินกรรมสิทธิ์ (E-Tree) ผ่านเว็บไซต์ กรมป่าไม้ เพื่อเป็นการส่งเสริมการปลูกต้นไม้ และการค้าไม้เศรษฐกิจอย่างถูกต้องตามกฎหมาย
โดยประชาชน จะได้รับประโยชน์ในด้านการอำนวยความสะดวกเรื่องการทำไม้และการเคลื่อนย้ายไม้ และในอนาคต ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่อีกต่อไป เป็นประโยชน์ต่อการส่งเสริมอุตสาหกรรมไม้และการบริหารจัดการด้านการป่าไม้ให้มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจทางด้านป่าไม้ของประเทศต่อไป