ระบาดผิดจังหวัด คนนนท์คนจริง จับ ปลาหมอคางดำ ทำแดดเดียว-ทอด ซัดเหลือแต่ก้าง

ระบาดผิดจังหวัด คนนนท์คนจริง จับ ปลาหมอคางดำ ทำแดดเดียว-ทอด ซัดเหลือแต่ก้าง เนื้อดีรสชาติอร่อย ยืนยันทานมาตลอดยังไม่พบว่าเป็นอันตราย

จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของ ปลาหมอคางดำ หรือปลาปีศาล ซึ่งเป็นสัตว์เอเลี่ยนสปีชีส์ หรือสัตว์ที่มาจากต่างถิ่น แพร่ขยายกระจายพันธุ์อย่างรวดเร็ว จนส่งผลกระทบกับสัตว์ประจำถิ่น

ล่าสุดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 15 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรับแจ้งจากชาวบ้านที่กำลังเหวี่ยงแหหาปลาในคลองนายแฉ่ง ม.4 ต.บางคูรัด อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี ว่าพบ ปลาหมอคางดำ แพร่ระบาดในคลองแห่งนี้ซึ่ งเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติแล้ว จึงเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบ

โดยพบกับนายประเทือง อาบใจ อายุ 47 ปี และนายวีรศักดิ์ เหมือนวงษ์ อายุ 40 ปี ชาวบ้านที่กำลัวเหวี่ยงแหหาปลาอยู่ พร้อมกับโชว์ปลาหมอคางดำที่เพิ่งจับมาให้ผู้สื่อข่าวดู

ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่บ้านนายประเทือง อาบใจ คนหาปลา ซึ่งจับปลาหมอคางดำได้ และเตรียมนำปลาหมอคางดำมาทำเป็นอาหารโชว์ โดยภรรยานายประเทืองนำปลาหมอคางดำที่จับได้มาล้างทำความสะอาดและผ่าเอาหัวกับไส้ออก ก่อนจะนำไปหมักน้ำปลากับผงชูรส โดยพบว่าปลาหมอคางดำชนิดนี้ มีไข่อยู่เต็มท้องเป็นจำนวนมาก ไม่เว้นแม้แต่ตัวเล็กที่มีไข่เต็มท้องเช่นกัน ผิดกับปลาในแหล่งน้ำธรรมชาติทั่วไป

หลังทำการหมักปลาหมอคางดำกับน้ำปลาได้ที่แล้ว จึงนำปลาหมอคางดำที่หมักไว้ไปลงทอดในน้ำมัน ซึ่งตั้งไฟกลางอ่อนๆ และใช้เวลาประมาณ 10 นาที จึงปลาหมอคางดำทอดที่มีสี น่ากินไม่แตกต่างกับปลาทอดชนิดอื่นๆ

นายสุริยา เผือกบาง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 ต.บางคูรัด ได้ทดลองชิมรสชาติปลาหมอคางดำหมักน้ำปลาทอดดู พบว่าตัวปลามีกลิ่นหอมมากกว่าปลานิล เนื้อปลาก็ดี มีรสชาติอร่อย เหมาะกับการนำมาทำเป็นปลาหมอแดดเดียวหรือปลาหมอหมักน้ำปลา

จากการสอบถามพบว่า ชาวบ้านในพื้นที่ ต.บางคูรัด พบว่าที่ผ่านมา แม้จะจับปลาหมอคางดำมาได้ แต่ยังไม่รู้ว่าเป็นปลาอะไร ประเภทไหนก็ตาม ชาวบ้านก็จะนำมาทำเป็นอาหารกินอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งก่อนหน้านี้จะพบเพียงไม่กี่ตัว ต่างกับปัจจุบันที่พบเพิ่มเป็นจำนวนมาก

ซึ่งชาวบ้านที่นำปลาหมอคางดำมาทำเป็นอาหารยืนยันว่า ปลาหมอคางดำที่นำมาทำเป็นอาหารนั้นไม่มีอันตรายอะไร สามารถจับมาทำเป็นอาหารกินได้เหมือนกับปลาทั่วไป