เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 20 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรางงานจาก จ.กำแพงเพชร สำนักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ ม.2 ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร เจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน จ.กำแพงเพชร ,เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลขาณุวรลักษบุรี, ฝ่ายปกคลองอำเภอขาณุวรลักษบุรี และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างกำแพงเพชร จุดสลกบาตร ได้ลงพื้นที่ยังบริเวณป่าทึบหลังกุฎิพระสงฆ์และโดยรอบที่ใช้ทำกิจกรรมการฝึกนั่งวิปัสสนากรรมฐานกับศพ เทำการขุดศพออกมาจากหลุมและโลงศพ เพื่อเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อทุกศพนำไปตรวจ DNA และพิสูจน์อัตลักษณ์
โดยทางสำนักสงฆ์ได้แจ้งญาติของศพได้บางส่วน เพื่อให้มาแสดงตัวและจัดการฌาปนกิจศพอย่างถูกต้อง หลังทราบผลตรวจ DNA แล้ว โดยเจ้าหน้าที่จะยังเก็บรักษาศพไว้ที่โรงพยาบาลในพื้นที่ก่อนเพื่อรอญาติมารับ ซึ่งหลังจากที่ สำนักสงฆ์แห่งนี้ยังไม่ได้รับการอนุญาตให้เปิดอย่างถูกต้อง ทำให้เจ้าหน้าที่ต้องเร่งจัดการนำศพออกมาตรวจสอบให้เร็วที่สุด นั่นก็เท่ากับว่า ยังเป็นสำนักสงฆ์เถื่อนอยู่ ภาพบรรยากาศของการขุดศพออกมานั้น เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้ผู้สื่อข่าวเข้าไป ส่วนกิจกรรมในการฝึกเรียนหูตาทิพย์ และนั่งสมาธิกับศพก็ให้งดทำเด็ดขาด เหลือเพียงการปฏิบัติธรรมปกติเท่านั้น ตามคำสั่งของสำนักพุทธจังหวัดกำแพงเพชร ที่ได้ลงเอกสารไว้ในวันที่เข้ามาตรวจสอบสำสงฆ์แห่งนี้ ผ่านไปกว่า 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่ได้ขุดศพทั้งหมด 13 จุด ซึ่งไม่ตรงกับจำนวนที่พระอาจารย์เจ้าของสำนักบอกไว้ในวันที่เข้าไปตรวจสอบว่ามี 6 ศพที่เหลือโครงกระดูก และศพที่ 7 เป็นศพสดที่มาใหม่ โดยพบว่าเป็นศพของแม่ชี, พระสงฆ์ และญาติโยมรวมกัน
ซึ่งจากคลิปและภาพการนำศพมาทำกิจกรรมที่โพสลงในเฟซบุ๊คนั้น ตามคำบอกพระอาจารย์ว่าเป็นภาพเก่าและเป็นสถานที่อื่น และไม่ใช้เฟซบุ๊คที่ทางสำนักสงฆ์โพสต์ลงโซเชียล เพราะได้เลิกดำเนินการไปแล้วในการโพสต์ ปรากฏว่าเป็นสถานที่เดียวกันทั้งหมด โดยเจ้าหน้าที่ยังคงที่จะค้นหาต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่ายังมีศพเพิ่มเติมอีกเท่าใด เพราะยังพบว่ามีอุปกรณ์ใส่เกลือสำหรับโรยศพเพื่อป้องกันกลิ่นเหม็นเน่าในสถานที่อีกด้วย เวลา 17.00 น. หลังจากขุดไปแล้ว 4 ชั่วโมง พบว่ามีหลุมที่ขุดไปแล้ว 13 หลุม พบศพทั้งหมด 9 ศพ ส่วนหลุมที่ไม่พบคาดว่าขุดออกไปเผาแล้ว ตามที่เจ้าสำนักสงฆ์ให้ข้อมูลว่าบางส่วนก็จัดการไปแล้ว ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังค้นหาต่ออย่างต่อเนื่อง
ส.อ.ประจักรกฤษ สายทิพย์ แอดมินเพจ กำแพงเพชร ร้องเรียนอะไร ได้กล่าวว่า หลังจากที่เมื่อวานได้เดินทางไปออกรายการโหนกระแส เพื่อพูดคุยเรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการฝึกหูตาทิพย์ให้กับเด็กและญาติโยม พร้อมการนั่งฝึกกรรมฐานหน้าศพ เพื่อให้มีสมาธิลดความกลัวของสำนักสงฆ์ป่าสิริจันทร์ พื้นที่ ต.สลกบาตร อ.ขาณุวรลักษบุรี จ.กำแพงเพชร โดยมี อ.เบียร์ ฅ.ตื่นธรรม เข้ามานั่งพูดคุยในรายการด้วย ระหว่างนั้นมีสายโฟนอินจากลูกศิษย์ของสำนักสงฆ์ท่านหนึ่งได้ให้ข้อมูลว่าวิธีปฏิบัติแบบนี้นั้นถูกต้องแล้ว
ซึ่งการฝึกหูตาทิพย์นั้นมีจริง โดยวิชาดังกล่าวได้สืบถอดมาจากเมืองบังบด หรือเมืองลับแล โดยยืนยันว่าต้องมีการฝึกฝนตามขั้นตอนเพื่อดึงยานออกมาจนถึงจะสำเร็จ โดยในระหว่างนั้นก็มีพระอาจารย์สายฝน ที่เป็นเจ้าสำนักสาขาใหญ่ได้โฟนอินเข้ามาพร้อมให้ข้อมูลว่ามีสาขาทั้งหมด 69 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งยืนยันว่า นอกจากมีวิชาหูตาทิพย์แล้วก็ยังมีวิชาแยกร่างสลับร่างอีกเป็นแสนร่าง ส.อ.ประจักรกฤษ กล่าวว่า ตนมองว่าเรื่องดังกล่าวเริ่มไปกันใหญ่แล้ว โดยนอกจากนี้ยังมีวิชานั่งปฏิบัติในบ่อจระเข้เพื่อไม่ให้จระเข้ทำร้ายได้อีก ตนอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบสำนักสงฆ์ทุกสาขาแห่งนี้ ที่ขยายสาขาไปทั่วประเทศกว่า 69 สาขา ซึ่งเหมือนเป็นการอวดอุตริเป็นเรื่องใหญ่โตแล้ว นอกจากนี้ยังกล่าวว่ามีลูกศิษย์มากมายทั้งข้าราชการ นักการเมือง และนายทหาร และกล่าวไปถึงสถานบันด้วย ซึ่งตนเกรงว่าจะเกิดความเสียหายเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่ดีต่อพระพุทธศาสนา
นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยทางโทรศัพท์กับ แม่ไหม (นามสมมติ) ลูกศิษย์เอกของสำนักสงฆ์ของพระอาจารย์สายฝน โดยได้ให้ข้อมูลว่า สำนักสงฆ์แห่งนี้ได้สอนให้มีการปฏิบัติที่ไม่ได้มีในประเทศไทย วัดหลายที่ไม่ได้เรียนหลักสูตรนี้ ซึ่งพระอาจารย์สายฝนได้คิดค้นตามตำราที่พ่อแม่ครูบาอาจารย์บอกไว้ ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลกโดยสมัยนี้ มนุษย์จะชอบช้อปปิ้งบุญกันเยอะ แต่การปฏิบัติไม่ค่อยมีเราก็เลยต้องคิดค้นขึ้นมา โดยอาจารย์ใหญ่หรือพระอาจารย์สายฝน ใช้เวลาเป็น 10 ปี ไม่ใช่ใช้ระยะเวลาเพียง 3-7 วัน แล้วจะได้ตาทิพย์หูทิพย์ มันต้องสะสม ด้วยการปฏิบัติและบารมีด้วย ซึ่งไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็จะใช้เวลาเหมือนกันในการฝึก โดยพอเรานั่งสมาธิหรือนั่งทวนญาณ เดินจงกรมทำสมาธิประมาณวันละ 6 ชั่วโมง ทำจนจิตอยู่กับธรรมะ และทดสอบทวนญาณถ้าผ่านก็ถึงจะไปนั่งมอ (หน้าศพ) แล้วถึงจะมาฝึกปิดตาเรียนหูตาทิพย์ได้ ไม่ใช่ 3 คน ที่ไปออกรายการโหนกระแส ไปถึงก็พิสูจน์นั่งสมาธิหน้าศพแป๊บเดียวแล้วจะได้ตาทิพย์เลยมันไม่ใช่มันไม่มีครูบาอาจารย์ มันต้องผ่านการขึ้นครูก่อน สมัยพ่อแม่ปู่ยาตายายเรา จะทำการใดก็ต้องขึ้นครูยกขันย์ก่อน ส่วนคนที่ไม่เชื่อตนก็ไม่คิดว่าเค้าลบหลู่แต่สมัยนี้มันจะมีความคิดเห็นทางโซเชียลเยอะ มันไม่ได้ปฏิบัติจริงๆ
หากใครมาปฏิบัติก็จะได้รู้จะได้ทางเดินแหล่งความสุข มนุษย์ต้องการความสุขทุกคนต้องการนิพพานหมด บางอย่างไม่มีครูบาอาจารย์ก็จะไม่มีทางรู้ “การทำบุญตักบาตร กฐินผ้าป่า ตนมองว่าเป็นการช้อปปิ้งบุญมากกว่า จิตสมาธิปัญหาเราต้องเรียนรู้ของเราเอง ซึ่งสิ่งที่ตนปฏิบัติตามหลักสอนอยู่นี้จะทำให้ไม่หลงทางเพราะตนได้ไปฝึกสมาธิปฏิบัติมาก็หลายที่และสนใจหลักธรรมนี้ ซึ่งก็อยากจะบอกทุกคนเปิดใจเข้ามาปฏิบัติทุกคน พ่อแม่ครูบาอาจารย์ที่นี่ยินดีต้อนรับ จะมาจากสายไหนสายไหนมาเลยคะ วัดที่นี่ไม่มีเสียเงิน ไม่มีขึ้นค่าครูเป็นปัจจัย การขึ้นค่าครูที่นี่เป็นการกราบอาราธนาศีลอธิษฐาน ชื่อนี้ นามสกุลนี้ ขอเรียนรู้วิชาหูทิพย์ตาทิพย์จากครูบาอาจารย์เท่านี้เอง และก็กราบ 3 หน และก็มีพระสอนตามขั้นตอน มันต้องมีขึ้นครูอยู่อยู่คุณไปเรียนเลยมันไม่ใช่” แม่ไหม กล่าว