เจ้าหนี้บุกทวงถึงวัด พระติดหนี้ 7 แสน ยืมเงินสร้างพระประธาน-สร้างเหรียญ
เจ้าหนี้บุกทวงถึงวัด พระติดหนี้ 7 แสนบาทไม่ยอมคืน แจงยิบยืมเงินมาสร้างพระประธาน-สร้างเหรียญรูปเหมือน ยันจะคืนแน่จะได้จบเรื่อง
จากกรณี นางบุปผา ปัดเสนา อายุ 63 ปี และนายเปี่ยมสุข ปัดเสนา อายุ 70 ปี ชาว จ.ขอนแก่น เข้าร้องเรียน หลังถูกพระชัย (นามสมมุติ) ยืมเงินไปสร้างเหรียญรูปเหมือน รวมเป็นเงินจำนวน 719,000 บาท ทำสัญญาเงินกู้ และยืนยันจะคืนเงินให้แต่ไม่คืน จึงเข้าแจ้งความกับตำรวจ สภ.พล เพื่อดำเนินคดีกับพระชัย และยื่นเรื่องต่อเจ้าคณะตำบลป่าปอ ให้ตรวจสอบ ความเป็นมาของพระชัย ตามข่าวที่นำเสนอไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 9 ก.พ. 67 ที่ วัดศิริมงคล บ้านหนองดู่ ม.3 ต.ป่าปอ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พระชัย ขอชี้แจงรายละเอียดในกรณีหนี้สินและเรื่องที่คณะสงฆ์มีมติขับไล่ออกนอกพื้นที่ ท่ามกลางความสนใจของชาวบ้านจำนวนมาก
พระชัย กล่าวว่า บวชพระจริงครั้งแรกพื้นที่ จ.อำนาจเจริญ แต่เกิดความขัดแย้งขึ้นจึงหนีออกจากวัด จากนั้นก็บวชครั้งที่2 และอยู่ในเพศบรรพชิตตลอดมา กระทั่งมาอยู่ที่บ้านดอนดั่ง ต.ดอนดั่ง อ.หนองสองห้อง จ.ขอนแก่น ดำเนินการก่อสร้างพระประธานจนแล้วเสร็จ แต่เกิดความขัดแย้งในหมู่บ้าน เพราะยังค้างเงินค่าวัสดุก่อสร้าง และวัดไม่มีเงินจ่าย จึงออกจากวัด ญาติโยมจึงนิมนต์ให้มาพำนักที่วัดศิริมงคล
จากนั้นมีการส่งเรื่องร้องเรียนไปยังสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัดขอนแก่น ให้ตรวจสอบตน โดยคณะสงฆ์ขอตรวจสอบเรื่องใบสุทธิ แต่ตอนนั้นไม่มีเนื่องจากเกิดเรื่องขึ้นที่ จ.อำนาจเจริญ จึงฉีกใบสุทธิทิ้ง คณะสงฆ์จึงให้ตนหาใบสุทธิหรือหนังสือรับรองมาแสดงภายใน 7 วัน นับจากวันที่ 6-12 ก.ย. 2566 จึงเดินทางกลับไปหาพระอุปัชฌาย์ ออกหนังสือรับรองให้ รวมถึงนำใบสุทธิการบวชครั้งที่ 2 มาแสดง
แต่ยังไม่ครบ 7 วัน คณะสงฆ์อำเภอบ้านไผ่ ก็มีการลงมติขับไล่ออกจากพื้นที่ ในวันที่ 9 ก.ย.2566 ตนจึงไม่สามารถกลับเข้าไปอยู่ที่วัดได้ และออกนอกพื้นที่ ไปอยู่ที่วัดในต่างจังหวัด
กรณีการเป็นหนี้ นางบุปผา และนายเปี่ยมสุข จำนวน 719,000 บาทนั้น เป็นหนี้จริง เพราะยืมไปใช้จ่ายในวัดที่สร้างพระประธาน และสร้างเหรียญรูปเหมือนจริง ทุกครั้งที่ยืมก็ทำสัญญาการกู้ยืม รวมทั้งมีการหักดอกเบี้ยด้วย ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 10 บาททุกครั้ง และเพิ่งหยุดจ่ายดอกเบี้ยไปเพียง 2 เดือน จนถูกร้องเรียนดังกล่าว ขอยืนยันว่า จะจ่ายเงินคืนให้ครบทุกบาทภายในวันที่ 31 มี.ค. 2567 นี้ จะได้ไม่มีเรื่องต่อกันอีก
การสร้างพระประธานนั้น เมื่อทางวัดไม่มีเงินซื้อวัสดุ ก็เกิดหนี้สินตามมาจริง เพราะยังค้างค่าวัสดุร้านค้าอีกนับแสนบาท ซึ่งพยายามนำเงินมาใช้หนี้ให้ร้านค้า และในกรณีพระภิกษุสงฆ์ต้องคดีอาญา มีเรื่องต้องขึ้นศาล ก็ต้องดูว่าคดีดำหรือคดีแดง ถ้าคดีแดง เมื่อคดีจบก็สามารถมาบวชได้ดังเดิม
จึงขอยืนยันว่า ตนเคยทำผิด แต่เมื่อพ้นผิดก็มาบวชเป็นพระ ทำดีมาอย่างต่อเนื่อง ไม่ได้ห่มผ้าเหลืองมาหากิน ทุกอย่างทำด้วยความบริสุทธิ์ แต่ที่เกิดเรื่องขึ้นทั้งหมด เกิดจากความไม่พอใจของคนบางคน ของคนบางกลุ่มเท่านั้น ซึ่งหลายเรื่องได้รายงานไปยังหน่วยงานต้นสังกัดแล้ว เนื่องจากมีคนในเครื่องแบบเข้ามาเกี่ยวข้องและข่มขู่ให้เกิดความกลัว ซึ่งในความจริงแล้วไม่อยากมีเรื่องกับชาวบ้าน เพราะอยากให้ทุกคนทุกฝ่ายหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยทำความเข้าใจกัน ปัญหาทุกอย่างก็จะจบลงด้วยดี
ภายหลังจากที่ พระชัย จบการชี้แจงแล้ว ขณะนั้น นางบุปผา และนายเปี่ยมสุข เดินทางมาถึงที่วัดและได้พบหน้ากัน จึงได้ทวงถามเอาเงินที่เป็นหนี้ แต่พระชัย ตอบว่าวันนี้ไม่มีเงินจ่าย ไม่ใช่ไม่ใช้หนี้ แต่จะหาเงินมาจ่ายหนี้ให้ทุกบาทภายในสิ้นเดือน มี.ค.ที่จะถึงนี้ จากนั้นก็เดินขึ้นรถกระบะแล้วออกจากวัดทันที
นางบุปผา กล่าวว่า ภายหลังพบพระชัยว่า ซึ่ง แค่พบหน้าได้พูดคุยก็โล่งใจได้ ว่ายังจะได้เงินคืน เพราะที่ผ่านมา พระชัยหายตัวและไม่ติดต่อมาจึงไม่แน่ใจว่าจะได้เงินคืน นับจากนี้ก็จะรอดูว่า พระชัยจะคืนเงินให้ตามที่พูดไว้ต่อหน้าพระ ต่อหน้าชาวบ้าน จริงๆหรือไม่ ถ้าคืนจริงก็ถือเป็นบุญของตน จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกันเสียที